F1 German GP 2019 : เมอร์เซเดสพบกับฝันร้ายเป็นครั้งแรก
Posted by : FascinatorFJ.
● แม็กซ์ เวอร์สแท็พเพ่น วิ่งลุยฝนพารถเรดบูลล์ผ่านเส้นชัยเป็นคันแรกในการแข่งขันที่ฮอคเคนไฮม์ ในขณะที่เมอร์เซเดสพบกับฝันร้ายเป็นครั้งแรก
● หากคุณคิดว่า การแข่งขันที่ซิลเวอร์สโตนสนุกแล้ว การแข่งขันที่ฮอคเคนไฮม์นั้นน่าตื่นเต้นยิ่งกว่า เพราะฝนนั้นทำให้การแข่งขันคาดเดาไม่ได้และรถแข่งสลับอันดับไปมาแทบจะตลอดเวลา ลูวอิส แฮมิลตัน นั้นถึงกับพารถเมอร์เซเดสของเขาหมุนไป 2 รอบ ในขณะที่ วาลท์เทรี บ็อตตาส เพื่อนร่วมทีม ไม่รอด ชนกำแพงยาง
● ทางด้านเฟอร์รารี เซบาสเตียน เวทเทล ไล่จากท้ายแถวกริดที่ 20 ขึ้นมาจนจบการแข่งขันในอันดับ 2 ส่วน ชาร์ล เลอแคลร์ เพื่อนร่วมทีม หมุนในตำแหน่งเดียวกับแฮมิลตันและออกจากการแข่งขันไป
● จากพายุที่โหมกระหน่ำในช่วงเช้านั้น ทำให้สนามนี้เป็นครั้งแรกที่กระบวนการสตาร์ทแบบใหม่ที่ถูกนำเสนอในปี 2017 ได้ถูกนำมาใช้ เซฟตี้คาร์จะวิ่งนำสำรวจแทร็คก่อนและนำขบวนรถแข่งเข้าสู่กริดสตาร์ท
● แฮมิลตันนั้นออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยมและรักษาตำแหน่งผู้นำจากตำแหน่งโพลเอาไว้ได้ ในขณะที่เวอร์สแท็พเพ่นนั้นล้อฟรีทิ้งอย่างรุนแรง ทำให้นักแข่งดัตช์เสียอันดับไปให้กับบ็อตตาสและ อัลฟ่า โรเมโอ ของ คิมี ไรค์โคเนน แต่เขาสามารถเอาอันดับคืนจากไรค์โคเนนได้ในรอบถัดมา
● ละอองน้ำที่บดบังทัศนวิสัยและการยึดเกาะที่ไม่แน่นอนของแทร็คทำให้กลุ่มกลางนั้นเกิดความชุลมุนในการแย่งอันดับอย่างใหญ่หลวง เซอร์จิโอ เปเรซ จากเรซซิ่งพอยต์ หมุนออกไปคันแรกในรอบที่ 2 เรียกเซฟตี้คาร์ออกมา
● ในช่วงนี้นักแข่งบางคนตัดสินใจเข้าพิทไปเปลี่ยนเป็นยางกึ่งเปียกกึ่งแห้ง ในขณะที่บางคนเสี่ยงรอเพื่อดูสภาพอากาศ แต่ผลสรุปออกมาว่าฝนนั้นไม่ตกลงมาเพิ่ม และนักแข่งที่เลือกไม่เปลี่ยนยางจึงต้องเข้าไปเปลี่ยนยางในจังหวะที่การแข่งขันกลับมาแล้ว ส่งผลให้นักแข่งเหล่านั้นอันดับร่วงยาว เช่น เควิน แม็กนุสเซน จากฮาส ส่วนนักแข่งที่เปลี่ยนยางตอนเซฟตี้คาร์ มีเวทเทลที่พารถเฟอร์รารีขึ้นมาได้ถึงอันดับ 12
● ในรอบที่ 15 เลอแคลร์นั้นเข้าพิทอีกครั้งเพื่อเปลี่ยนเป็นยางกึ่งเปียกกึ่งแห้งใหม่ และขยับเข้าใกล้อันดับข้างหน้าอย่างเวอร์สแท็พเพ่นเหลือเพียงไม่ถึง 4 วินาที ในรอบที่ 22
● รอบที่ 23 เวทเทลเข้าพิทมาเปลี่ยนเป็นยางสลิคชนิดซอฟต์ ส่งผลให้ทีมคู่แข่งอย่างเรดบูลล์ขยับตัวตามโดยการเรียกเวอร์สแท็พเพ่นเข้ามาเปลี่ยนเป็นยางมีเดียม เมอร์เซเดสนั้นรอจนถึงรอบที่ 26 จึงเรียกบ็อตตาสเข้ามาเปลี่ยนเป็นยางมีเดียม และเฟอร์รารีเรียกเลอแคลร์เข้ามาเปลี่ยนเป็นยางซอฟต์ในรอบถัดมา
● แฮมิลตันตามเข้าพิทมาในรอบที่ 28 แต่จังหวะที่ผู้นำอย่างเขาเข้าพิทมา ฝนได้เริ่มโปรยปรายลงมาอีกครั้ง เลอแคลร์นั้นเหินน้ำหลุดโค้ง 16 ไปชนกำแพงออกจากการแข่งขัน เรียกเซฟตี้คาร์ออกมา แต่ยังไม่ทันไรแฮมิลตันก็หลุดโค้งในตำแหน่งเดียวกับเลอแคลร์ไปชนกำแพง แต่แชมป์โลก 5 สมัย ดึงรถลัดแทร็คกลับเข้าพิทมาได้ อย่างไรก็ตามนั่นทำให้ทีมงานเตรียมตัวไม่ทันกับการเข้าพิทมาอย่างกะทันหัน ส่งผลให้แฮมิลตันต้องใช้เวลาในพิทบ็อกซ์ไปถึง 50 วินาที แถมยังถูกลงโทษบวกเวลา 5 วินาที จากการเข้าพิทมาผิดฝั่งของบอลลาร์ด
● เมื่อเป็นที่ชัดเจนแล้วว่ายางสลิคนั้นไม่สามารถวิ่งได้ในสภาวะแทร็ค ณ ตอนนั้น รถแข่งทุกคันจึงเข้าพิทมาเปลี่ยนเป็นยางกึ่งเปียกกึ่งแห้ง และเป็นเวอร์สแท็พเพ่นที่ขยับขึ้นมานำในช่วงนี้ ตามมาด้วย นิโค ฮูลเคนเบิร์ก จากเรโนลต์
● ฮูลเคนเบิร์กนั้นไม่นานก็ถูกบ็อตตาสแซงขึ้นไปได้ แต่นักแข่งเยอรมันเริ่มจับจังหวะได้ดีขึ้นและกลับมาไล่กดดันบ็อตตาสอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเขาก็พลาดหลุดแทร็คไปในจุดเดียวกับเลอแคลร์และแฮมิลตัน และต้องออกจากการแข่งขันไป ทำให้เขายังคงตามหาโพเดียมแรกของตัวเองต่อไป
● ในช่วงที่เซฟตี้คาร์ออกมาเพราะรถของฮูลเคนเบิร์ก ดานีล คฟยาต จากโทโรรอสโซ และ แลนซ์ สโตรล จากเรซซิ่งพอยต์ ได้ชิงเข้าพิทเพื่อเปลี่ยนเป็นยางสลิคก่อนเพื่อน นั่นทำให้ทีมอื่นๆ ที่ตัดสินใจเข้าพิทหลังจาก 2 คน ข้างต้นเข้าไปแล้ว 1 รอบ ต้องออกมาอยู่ข้างหลังแทน คฟยาตขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 2 และสโตรลอยู่อันดับ 3
● ฝันร้ายของเมอร์เซเดสมาเยือนเมื่อแฮมิลตันหมุนที่โค้งแรกในรอบที่ 53 ทำให้เขาต้องเข้าพิทไปเปลี่ยนยางและหล่นไปอยู่อันดับสุดท้าย ยิ่งกว่านั้นบ็อตตาสหมุนในจุดเดียวกันกับที่แฮมิลตันพึ่งหมุนไปในรอบที่ 56 คราวนี้นักแข่งฟินน์ชนกำแพงออกจากการแข่งขันและเรียกเซฟตี้คาร์ออกมา
● ใน 5 รอบสุดท้าย เวทเทลเค้นฟอร์มเฮือกสุดท้ายไล่แซงจากอันดับ 5 จนขึ้นมาถึงอันดับ 2 อย่างไรก็ตามเวอร์สแท็พเพ่นนั้นนำห่างเกินไป ทำให้แชมป์โลก 4 สมัย จบการแข่งขันในอันดับ 2 ตามหลังนักแข่งดัตช์วัย 21 ปี
● อันดับสุดท้ายบนโพเดียมตกเป็นของคฟยาตกับโทโรรอสโซ ซึ่งนี่เป็นครั้งที่ 2 ที่โทโรรอสโซขึ้นโพเดียม หลังจากที่พวกเขาเคยทำได้เมื่อปี 2008 ที่มอนซ่ากับเวทเทล
● สโตรลจบการแข่งขันในอันดับ 4 ตามมาด้วย คาร์ลอส ซายน์ ในรถแม็คลาเรน และ อเล็กซานเดอร์ อัลบอน นักแข่งไทยสังกัดโทโรรอสโซ ทำผลงานได้ดีที่สุดในปีนี้ด้วยอันดับ 6
● อัลฟ่า โรเมโอ ทั้ง 2 คัน นั้นเดิมทีเข้าเส้นชัยในอันดับ 7 และ 8 แต่กรรมการตรวจสอบย้อนหลังพบว่าช่วงสตาร์ทนักขับทั้งสองมีเซตติ้งการออกตัวที่ผิดกติกา โดยการจับคลัตช์ตามปกตินั้นจะต้องใช้เวลา 70 ms หลังนักแข่งสังการ แต่คลัตช์ของ คิมี ไรค์โคเนน นั้นจับที่ 200 ms และ อันโตนิโอ โจวินาซซี จับที่ 300 ms ส่งผลให้มันมีสภาวะคล้ายกับแทร็คชั่นคอนโทรล และผิดกติกาที่ว่าด้วยนักแข่งต้องควบคุมการออกสตาร์ทด้วยตัวเอง ยังผลให้ต้องรับโทษหยุดรถ 10 วินาที ซึ่งจะถูกเปลี่ยนเป็นบวก 30 วินาที หากนักแข่งทั้งสองไม่ได้รับโทษในระหว่างการแข่งขัน
● จากการที่รถอัลฟ่าทั้ง 2 คัน ถูกลงโทษ ฮาส 2 คัน จึงขึ้นมารับอันดับแทน โดย โรมัง โกรส์ฌอง จบการแข่งขันในอันดับ 7 และ เควิน แม็กนุสเซน ในอันดับ 8 แฮมิลตันขยับขึ้นมารับ 2 คะแนน ในอันดับ 9 และ โรเบิร์ต คูบิคซ่า เก็บแต้มแรกให้วิลเลียมส์ได้ในอันดับ 10
● ทางด้าน ปิแอร์ แกสลีย์ จากเรดบูลล์ เป็นอีกคันที่วิ่งไม่ถึงเส้นชัยเนื่องจากชนท้ายรถของอัลบอน แต่เจ้าตัววิ่งจำนวนรอบมากพอที่จะถือว่าจบการแข่งขันซึ่งนักแข่งฝรั่งเศสได้ไปในอันดับ 14 ส่วน แลนโด้ นอริส และ แดเนียล ริคคิอาร์โด เป็น 2 คน ที่ไม่จบการแข่งขันเพราะปัญหาทางเทคนิคในวันนี้ โดยรถแม็คลาเรนของนอริสพบปัญหากำลังเครื่องยนต์ตก และรถเรโนลต์ของริคคิอาร์โดนั้นท่อไอเสียรั่ว ●
สรุปผลการแข่งขัน
- แม็กซ์ เวอร์สแท็พเพ่น – เรดบูลล์ ฮอนด้า – 1.44.31.275 – กริด 2
- เซบาสเตียน เวทเทล – เฟอร์รารี – +7.333 – กริด 20
- ดานีล คฟยาต – โทโรรอสโซ ฮอนด้า – +8.305 – กริด 14
- แลนซ์ สโตรล – เรซซิ่งพอยต์ เมอร์เซเดส – +8.966 – กริด 15
- คาร์ลอส ซายน์ – แม็คลาเรน เรโนลต์ – +9.583 – กริด 7
- อเล็กซานเดอร์ อัลบอน – โทโรรอสโซ ฮอนด้า – +10.052 – กริด 16
- โรมัง โกรส์ฌอง – ฮาส เฟอร์รารี – +16.838 – กริด 6
- เควิน แม็กนุสเซน – ฮาส เฟอร์รารี – +18.765 – กริด 12
- ลูวอิส แฮมิลตัน – เมอร์เซเดส – +19.667 – กริด 1
- โรเบิร์ต คูบิคซ่า – วิลเลียมส์ เมอร์เซเดส – +24.987 – กริด 18
- จอร์จ รัสเซล – วิลเลียมส์ เมอร์เซเดส – +26.404 – กริด 17
- คิมี ไรค์โคเนน – อัลฟ่า โรเมโอ เฟอร์รารี – +42.214 – กริด 5
- อันโตนิโอ โจวินาซซี – อัลฟ่า โรเมโอ เฟอร์รารี – +43.849 – กริด 11
- ปิแอร์ แกสลีย์ – เรดบูลล์ ฮอนด้า – +3 รอบ – อุบัติเหตุ – กริด 4
- DNF – วาลท์เทรี บ็อตตาส – เมอร์เซเดส – รอบที่ 56 – อุบัติเหตุ – กริด 3
- DNF – นิโค ฮูลเคนเบิร์ก – เรโนลต์ – เรโนลต์ – รอบที่ 39 – อุบัติเหตุ – กริด 9
- DNF – ชาร์ล เลอแคลร์ – เฟอร์รารี – รอบที่ 27 – อุบัติเหตุ – กริด 10
- DNF – แลนโด้ นอริส – แม็คลาเรน เรโนลต์ – รอบที่ 25 – เครื่องยนต์ – กริด 19
- DNF – แดเนียล ริคคิอาร์โด – เรโนลต์ – รอบที่ 13 – ท่อไอเสีย – กริด 13
- DNF – เซอร์จิโอ้ เปเรซ – เรซซิ่งพอยต์ เมอร์เซเดส – รอบที่ 1 – อุบัติเหตุ – กริด 8
- เวลาต่อรอบเร็วที่สุด – แม็กซ์ เวอร์สแท็พเพ่น – เรดบูลล์ ฮอนด้า – 1.16.645 – รอบที่ 61
คะแนนสะสมประเภทนักขับ
- ลูวอิส แฮมิลตัน – เมอร์เซเดส – 225
- วาลท์เทรี บ็อตตาส – เมอร์เซเดส – 184
- แม็กซ์ เวอร์สแท็พเพ่น – เรดบูลล์ ฮอนด้า – 162
- เซบาสเตียน เวทเทล – เฟอร์รารี – 141
- ชาร์ล เลอแคลร์ – เฟอร์รารี – 120
- ปิแอร์ แกสลีย์ – เรดบูลล์ ฮอนด้า – 55
- คาร์ลอส ซายน์ – แม็คลาเรน เรโนลต์ – 48
- ดานีล คฟยาต – โทโรรอสโซ ฮอนด้า – 27
- คิมี ไรค์โคเนน – อัลฟ่า โรเมโอ เฟอร์รารี – 25
- แลนโด้ นอริส – แม็คลาเรน เรโนลต์ – 22
- แดเนียล ริคคิอาร์โด – เรโนลต์ – 22
- แลนซ์ สโตรล – เรซซิ่งพอยต์ เมอร์เซเดส – 18
- เควิน แม็กนุสเซน – ฮาส เฟอร์รารี – 18
- นิโค ฮูลเคนเบิร์ก – เรโนลต์ – 17
- อเล็กซานเดอร์ อัลบอน – โทโรรอสโซ ฮอนด้า – 15
- เซอร์จิโอ้ เปเรซ – เรซซิ่งพอยต์ เมอร์เซเดส – 13
- โรมัง โกรส์ฌอง – ฮาส เฟอร์รารี – 8
- อันโตนิโอ โจวินาซซี – อัลฟ่า โรเมโอ เฟอร์รารี – 1
- โรเบิร์ต คูบิคซ่า – วิลเลียมส์ เมอร์เซเดส – 1
- จอร์จ รัสเซล – วิลเลียมส์ เมอร์เซเดส
คะแนนสะสมประเภททีมผู้ผลิต
- เมอร์เซเดส – 409
- เฟอร์รารี – 261
- เรดบูลล์ ฮอนด้า – 217
- แม็คลาเรน เรโนลต์ – 70
- โทโรรอสโซ ฮอนด้า – 42
- เรโนลต์ – 39
- เรซซิ่งพอยต์ เมอร์เซเดส – 31
- ฮาส เฟอร์รารี – 26
- อัลฟ่า โรเมโอ เฟอร์รารี – 26
- วิลเลียมส์ เมอร์เซเดส – 1
ที่มา :
• autosport.com.
• espnf1.com.
ผลการแข่งขันฤดูกาล 2019
● สนามที่ 01 : Australian GP : บ็อตตาสเชือดคู่แข่งทุกคนเข้าเส้นชัยเป็นคันแรก.
● สนามที่ 02 : Bahrain GP : แฮมิลตันคว้าชัยแบบส้มหล่น หลังเลอแคลร์มีปัญหา.
● สนามที่ 03 : Chinese GP : แฮมิลตันคว้าชัย พร้อมพาเมอร์เซเดสจบ 1-2.
● สนามที่ 04 : Azerbaijan GP : บ็อตตาส/แฮมิลตัน กวาด 1-2 เป็นสนามที่ 4.
● สนามที่ 05 : Spanish GP : แฮมิลตัน/บ็อตตาส เข้าเส้นชัย 1-2 เป็นสนามที่ 5.
● สนามที่ 06 : Monaco GP 2019 : แฮมิลตันรอดการจู่โจมอย่างหนัก.
● สนามที่ 07 : Canadian GP : เวทเทลต้องปล่อยชัยชนะแรกของฤดูกาล.
● สนามที่ 08 : French GP : แฮมิลตันนำตั้งแต่โพลจนกระทั่งถึงเส้นชัย.
● สนามที่ 09 : Austrian GP : เรดบูลล์หยุดสถิติชนะต่อเนื่องของเมอร์เซเดส.
● สนามที่ 10 : British GP : แฮมิลตันทำสถิติเป็นผู้ชนะสูงสุดคนใหม่ในรายการ.
● สนามที่ 11 : German GP 2019 : เมอร์เซเดสพบกับฝันร้ายเป็นครั้งแรก.